http://www.csrcom.com/
True ปลูกปัญญา

ถอดวิธีคิด ซีเอสอาร์ธุรกิจอาหาร

บทความ

ถอดวิธีคิด ซีเอสอาร์ธุรกิจอาหาร

หลักอย่างหนึ่งที่ธุรกิจหยิบมาใช้ในการสร้างกิจกรรมซีเอสอาร์ขององค์กรคือ การคิดค้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องหรือตอบโจทย์ธุรกิจของตนเอง รวมถึงการนำความสามารถของบริษัทมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่สังคม

อย่างเช่น โครงการเพื่อสังคมของบริษัทด้านอาหารยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่ดำเนินการภายใต้มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท โดยมี "โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน" เป็นโครงการหนึ่งที่ซีพีเอฟตอบแทนสังคม ด้วยการใช้ความสามารถและบุคลากรในบริษัท รวมถึงผลิตภัณฑ์ เข้าไปให้ความรู้ในการเลี้ยงไก่ไข่ และการบริหารจัดการให้แก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนห่างไกล เพื่อสร้างภาวะโภชนาการที่ดีให้กับเด็กชนบทที่มีภาวะทุพโภชนาการ

โครงการนี้เริ่มจากที่ ซีพีเอฟเห็นปัญหาว่า โรงเรียนที่อยู่ในเขตชนบท เด็กยังอยู่ในภาวะทุพโภชนาการ คือมี น้ำหนักและส่วนสูงต่ำกว่ามาตรฐาน โดยมีนักเรียน 1.2 ล้านคนตกอยู่ในภาวะดังกล่าว ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ เกิดจากการไม่ได้บริโภคอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ

"สุปรี เบ้าสิงห์สวย" กรรมการและเลขานุการมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท เครือเจริญโภคภัณฑ์ บอกว่า โรงเรียนบ้านสงเปลือยดงสามสิบ จ.อุดรธานี เป็นหนึ่งในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งตอนนั้นมีนักเรียนเข้าข่ายทุพโภชนาการ 30% แต่หลังจากโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันเข้ามา พร้อมกับการส่งเสริมให้เด็กดื่มนม ทำให้ปัจจุบันไม่มีนักเรียนที่ทุพโภชนาการอีกแล้ว นอกจากนี้เด็กยังมีความรู้ความสามารถในการเลี้ยงไก่ไข่ และการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่สามารถถ่ายทอดต่อในชุมชนได้อีกด้วย

"ซีพีเอฟตั้งเป้าทำโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนให้ครบ 1,000 โรงเรียน ซึ่งจะทำปีละ 50 โรงเรียน โดยปัจจุบันมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนี้แล้ว 351 แห่ง"

ขณะที่อีกด้าน บริษัทอาหารแบรนด์นอกอย่าง บริษัท ยัม เรสเตอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของร้านเคเอฟซี และพิซซ่าฮัท ในประเทศไทย เริ่มต้นโครงการ ซีเอสอาร์จากแนวคิดหลักของบริษัทแม่ ยัม แบรนด์ส อิงก์ ที่มุ่งบรรเทาความหิวโหยทั่วโลก ผ่านโครงการ World Hunger Relief ด้วยการระดมทุนจากสาขาที่มีอยู่ทั่วโลก สนับสนุนโครงการอาหารกลางวันสำหรับเด็กทั่วโลก ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาสามารถนำเงินมาสนับสนุนโครงการดังกล่าวได้กว่า 2,690 ล้านบาท

จนแตกหน่อมาเป็นกิจกรรมซีเอสอาร์ในประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในโครงการ "ช่วยให้น้องอิ่มท้อง ช่วยให้น้องเรียนดี" โดยถือโอกาสครบรอบ 30 ปีของบริษัท และจากนี้ ยัมฯ ประเทศไทย จะให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมหลักขององค์กร และดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการระดมทุนสนับสนุนโครงการ World Hunger Relief ของบริษัทแม่ และการระดมทุนช่วยเหลือเมื่อมีภัยพิบัติฉุกเฉิน

วิธีระดมทุน บริษัทยัมฯใช้ศักยภาพของสาขาร้านเคเอฟซีและพิซซ่าฮัทที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 400 สาขา มีลูกค้ามาใช้บริการ 5 ล้านคนต่อสัปดาห์ เป็นจุดตั้งกล่องรับบริจาค และยังมีทีมงานช่วยคิดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยระดมทุนอีกแรง และเมื่อครบปี ทางบริษัทจะสมทบทุนเพิ่มให้อีก 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ระดมทุนได้ และนำไปมอบให้กับโครงการดังกล่าว

"มิลินด์ พันท์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเตอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้เหตุผลว่า ทำไมยัมฯไม่บริหารจัดการเงินบริจาคด้วยตนเอง แต่เลือกบริจาคเงินผ่านโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯว่า เป็นเพราะยัมฯไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน จึงไม่อยากทำในสิ่งที่ไม่ถนัด

"เราเห็นตัวอย่างมาหลายโครงการแล้วว่า ผู้บริจาคมักมีความเคลือบแคลงใจ สงสัยว่าเงินที่เขาบริจาคไปถึงมือผู้รับจริง ๆ หรือไม่ แต่หากร่วมกับโครงการดังกล่าว ผู้บริจาคจะมั่นใจได้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ร่วมทำบุญกับบริษัทจะเกิดประโยชน์ตามที่เขาต้องการอย่างแน่นอน โดยปีนี้ตั้งเป้าว่าจะระดมทุนให้ได้ 6 ล้านบาท เพื่อสมทบกองทุนช่วยเหลือเด็กให้ได้รับอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ"

นอกจากนี้ตลอดปีจะพาพนักงานไปทำกิจกรรมในโรงเรียนที่อยู่ในโครงการ ล่าสุดได้นำพนักงานจากส่วนต่าง ๆ ของบริษัทประมาณ 20-30 คน เข้าร่วมทำกิจกรรมอาสาให้กับโรงเรียนมัธยมพระราชทานนายาว จ.ฉะเชิงเทรา โดยร่วมทาสีและซ่อมแซมโรงอาหาร เพื่อให้สถานที่ประกอบอาหารถูกสุขลักษณะ ยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นกิจกรรมไม่ยิ่งใหญ่ แต่อย่างน้อยพนักงานทุกคนได้เห็นภาพและมีส่วนร่วมในกิจกรรมจิตอาสา และเห็นว่าเงินบริจาคได้เกิดประโยชน์กับสังคมอย่างแท้จริง

จึงเป็นกิจกรรมซีเอสอาร์ 2 แบบ ของธุรกิจอาหารที่มีทั้งความเหมือนและความต่าง ตามแต่วิธีคิดและความเชื่อขององค์กร

ที่มา: http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1312775038&grpid=&catid=12&subcatid=1200

 

aphondaworathan